ปัจจุบันภาวะสมองเสื่อม เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ซึ่งกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะพบมากถึง 60-80% จากผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมปัจจุบัน และการเสื่อมถอยของสมอง อาจส่งผลให้ผู้สูงอายุ มีปัญหาด้านการสื่อสาร การสูญเสียความทรงจำ สมาธิ สูญเสียความสามารถในการตัดสินใจต่าง รวมถึงอาจจะส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และพฤติกรรมที่ก้าวร้าวได้
แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีรักษาอาการภาวะสมองเสื่อม ให้หายขาด แต่อาจช่วยฟื้นฟูการทำงานของสมองได้ในระยะแรก หรือชะลออาการลงได้ ด้วยการให้กินสมุนไพรและอาหารที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ความจำดีขึ้น ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เพื่อรักษาเซลล์ประสาทไม่ให้ถูกทำลายเพิ่มขึ้น ได้แก่ บัวบก
ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งเป็นองค์กรที่นำองค์ความรู้ภูมิปัญญาดั้งเดิมมาผนวกกับองค์ความรู้สมัยใหม่เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้สมุนไพรที่เหมาะสม ได้มีการกล่าวถึงประโยชน์ของใบบัวบกที่งาน เสวนาวิชาการว่า “รับมือสังคมสูงวัย ด้วยสมุนไพรชะลอเสื่อม“ ในวันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2566 ว่า
“ในเรื่องสมองเสื่อมนั้น มีงานวิจัยจำนวนมากของบัวบก ที่พบว่ามีส่วนช่วยในการทำงานของด้วยกลไกที่หลากหลาย ทั้งเพิ่มการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นการสร้าง โปรตีนที่ชื่อว่า “Brain-derived neurotrophic factor หรือ (BDNF)“ ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นอาหารของเซลล์ประสาทสมอง ช่วยชะลอการสลายของสารสื่อประสาทที่ทำหน้าที่จดจำ และยังมีฤทธิ์ปกป้องสมองจากสารพิษ หรือหากสมองถูกทำร้ายจากสารพิษแล้ว ก็จะช่วยลดการอักเสบฟื้นฟูและเยียวยาสมองให้กลับมาสู่สภาวะปกติ ในต่างประเทศมีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการวิจัยช่วยเสริมความจำ และปรับอารมณ์ให้สดชื่น ซึ่งความรู้เหล่านี้ไม่ได้ใหม่เลยสำหรับสังคมไทยที่ใช้สมุนไพรมานาน”
ตามตำราการแพทย์แผนไทย “ใบบัวบก” มีสรรพคุณรู้จักทั่วไป ส่วนใหญ่จะใช้แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้อาการอ่อนเพลีย และแก้ช้ำใน แต่ก็มีรายงานการศึกษาวิจัยในส่วนของ สารสกัดบัวบกที่สามารถเพิ่มความจำและทำให้ผ่อนคลายได้ ดังนั้นจึงมีการแนะนำและส่งเสริมให้รับประทานบัวบก เพื่อบำรุงร่างกายและเสริมประโยชน์ทางด้านสุขภาพด้วยการรับประทานเป็นอาหาร เช่น ทานสดกับน้ำพริก เคียงกับเมนูอาหารต่างๆ การนำไปทำยำ หรือรวมไปถึงน้ำใบบัวบก
วิธีการทำน้ำใบบัวบก
- ให้นำใบบัวบกทั้งต้น มาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นหั่นเป็นท่อนๆ ประมาณ 2-3 ท่อน
- นำมาปั่นรวมกับน้ำเปล่า โดยใส่น้ำให้ท่วมใบบัวบก กรองเอาแต่น้ำ
- สามารถปรุงรสด้วยน้ำผึ้งตามใจชอบ ให้ดื่มครั้งละ 120-200 มิลลิลิตร วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร
ข้อควรระวัง : ไม่ควรรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน
ถึงแม้ว่าใบบัวบกจะเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์มากมาย แค่ควรจำไว้ว่าการใช้สมุนไพรในการเสริมสุขภาพ หรือรักษาสุขภาพ และควรให้คำปรึกษากับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ก่อนที่จะเริ่มการใช้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคตับ โรคเบาหวาน หรือโรคความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานใบบัวบก
ที่มาข้อมูล :
https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/02/198738/
https://www.thaipost.net/human-life-news/480682/
ที่มารูปภาพ https://www.freepik.com/