ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ข่าวการตายของคนรู้จักใกล้ชิดเข้ามาถี่จนทำใจไม่ใคร่ทัน ข่าวคราวถึงนาทีก่อนจากไปของแต่ละคนมีหลายแบบ แต่โดยทั่วๆไป คือ จากไปอย่างสงบ
สงบจริงหรือ ความตายไม่เจ็บปวดเลยหรือ ฉันอดตั้งคำถามไม่ได้
ก่อนนอนคืนหนึ่งฉันจึงลองกำหนดความคิดว่า ฉันกำลังจะตาย
ฉันเริ่มจากตัดเรื่องไม่จำเป็นของชีวิตออกไปทีละอย่าง ทีละอย่าง เลือกเอาเรื่องที่ไม่ต้องไปยุ่งกับมันก็ได้ จนมาถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเองโดยตรง ก็พบว่ามันก็ยังจัดเข้าประเภทเดียวกันอยู่ดี คือไม่ต้องไปยุ่งกับมันก็ได้ จนรู้สึกไม่เหลืออะไรให้ต้องคิดต้องห่วงแล้ว
ในความมืดของกลางคืน ในความสงัดของยามดึก ฉันรู้สึกปลอดโปร่ง ราวกับได้ปลดปล่อยตัวเองออกไป ไม่มีอะไรมากักขังกีดขวาง มันโล่งๆเบาๆ
ถ้านี่คือความรู้สึกก่อนตาย มันก็ไม่น่ากลัวนะ
อีกวันหนึ่ง ฉันได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องนี้กับลูกสาว เธอยังเด็กกว่าฉันมาก ฉันจึงนึกไปเองว่าประสบการณ์ชีวิตคงไม่ถึงกิ่งก้อยของฉัน ฉันตั้งคำถามว่า ตายอย่างสงบ จริงหรือ
เธอบอกว่า จริง
เธอพูดถึงสาร D.M.T. Dimethyltryptamine ซึ่งคล้ายๆกับสารเซโรโตนินในสมอง เธอเล่าว่าเธอได้อ่านงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่อธิบายภาวะทางสมองก่อนตาย ว่าสมองจะสร้างสารตัวนี้ขึ้นมาเพื่อกล่อมประสาทให้ส่วนต่างๆของร่างกายหมดความรู้สึก ทำให้มีอาการเบลอ ๆ สบาย ๆ เหมือนคนเสพ D.M.T. ดังนั้น ถ้าทุกคนที่ใกล้ตายไม่มีห่วงอะไร ไม่ต่อต้าน หรือต่อสู้ ภาวะทางร่างกายจะทำให้เขาจากไปสบายๆ
ฉันไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ฟังไว้
เราพูดกันต่อเรื่อง ตายแล้วเกิด จริงไหม
เธอก็ตอบว่า จริง อีก
เธอเล่าว่าในการฟังธรรมของเธอครั้งหนึ่ง อาจารย์พระของเธออธิบายเรื่องนี้ง่าย ๆ ว่า ให้เราดูทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา จะเห็นว่าทุกอย่างเป็นวงจร น้ำระเหยจากทะเลขึ้นไปเป็นเมฆแล้วก็ตกมาเป็นน้ำอีกไม่สูญหายไปไหน มีกลางวันแล้วมีกลางคืนแล้วก็มีกลางวันอีก และ…อะไรอีกมากที่เธอยกมาเปรียบเทียบให้ฟังซึ่งล้วนหมุนวนเป็นวงกลมกลับมาที่เดิมทั้งสิ้น สุดท้ายเธอก็ถามว่าแล้ววงจรชีวิตของสัตว์ทำไมจะไม่เป็นวงกลมเหมือนกับสิ่งอื่นๆล่ะ ทำไมเกิดแล้วจะไม่ตาย ทำไมตายแล้วจะไม่เกิดล่ะ
เออแฮะ ไม่รู้จะเถียงอย่างไร ยังนึกไม่ออก คิดว่าไงกันบ้างคะ
คำถามสุดท้ายก่อนแยกย้ายกันไปก็คือ แล้วความตายมันเป็นอย่างไร
เธอเล่ายาวคราวนี้ เธอเล่าถึงการใช้ชีวิตช่วงสั้นๆช่วงหนึ่งของเธอที่พาราณสี นครห้าพันปีของมนุษย์ ที่มีความตายให้เห็นทุกนาที ไฟที่เผาศพที่นั่นถูกจุดขึ้นมาแล้วไม่เคยดับเลยตลอดหลายพันปีนั้น นั่นแสดงว่า ความตายเป็นเรื่องแน่นอนยิ่งกว่าอะไร แต่ความตายมันอาจเป็นการเดินทางไปสู่อีกมิติหนึ่งก็ได้ ความตายอาจเป็นการผจญภัยครั้งหนึ่งก็ได้ เธอเปรียบเทียบว่า ความตายอาจเหมือนเราไปยืนเข้าแถวรอขึ้นรถไฟเหาะ เราเห็นคนอื่นขึ้นกันไปโลดลิ่วหวาดเสียวอยู่บนโน้น เราก็ตื่นเต้นอยากรู้ว่ามันเป็นอย่างไร อีกด้านหนึ่งเราก็เห็นพวกที่ลงมาจากรถไฟเหาะ แต่ละคนมีสีหน้าต่าง ๆ กันไป ยิ่งทำให้เราตื่นเต้นใจสั่นระรัวอยากรู้ว่ามันเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่มีใครบอกอะไรเราได้ จนกว่าเราจะได้ขึ้นไปนั่งด้วยตัวเอง
เออ ฉันก็ไม่ชอบ ไม่อยาก นั่งรถไฟเหาะเสียด้วย
อ้างอิงรูปภาพ :
https://www.freepik.com/