ก่อนจะไปดูว่า AI เทคโนโลยีมาช่วยดูแลผู้สูงอายุ ได้อย่างไรบ้าง เรามาทำความรู้จักกับ AI กันก่อนค่ะ “AI” ย่อมาจาก “Artificial Intelligence” คือ โปรแกรมเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว และสามารถเรียนรู้วิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างแม่นยำ และมนุษย์สามารถนำเทคโนโลยีนี้มาช่วยแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน
ซึ่งประโยชน์ของ AI จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะ AI ทำหน้าที่ช่วยประมวลผลข้อมูลที่อาจจะมีจำนวนมากและซับซ้อน มาวิเคราะห์สรุปผลข้อมูลให้เราได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ซึ่งเมื่อประเทศไทยเข้าสู่งสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ การดูแลรองรับด้านสาธารณสุขนั้นจะเพียงพอหรือไม่ AI ก็อาจจะเป็นคำตอบที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมและมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ AI ในการติดตามสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้อุปกรณ์สวมใส่ที่อัจฉริยะ อย่างเช่น นาฬิกาอัจฉริยะ สร้อยข้อมือ หรือแม้กระทั่งแผ่นรองเท้าที่สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด และการนอนหลับได้ ซึ่งข้อมูลที่ออกมาจะสามารถวิเคราะห์และประเมินสถานะสุขภาพของผู้สูงอายุได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
รวมไปถึง AI ยังช่วยในการสนับสนุนการตัดสินใจของแพทย์ ผ่านการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพจากฐานข้อมูลประวัติผู้ป่วย เพื่อช่วยแพทย์ในการทำแผนการรักษาที่เหมาะสม รวมไปถึงพยากรณ์โรคที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้
ทั้งนี้เพื่อให้เห็นภาพและเข้าใจง่ายมากขึ้น เทคโนโลยีที่เห็นได้ชัดในการช่วยผู้สูงอายุมีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ
- Well – Living Systems
ระบบดูแลผู้สูงอายุ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยดูแลผู้สูงอายุ กรณีที่ลูกหลานไม่ได้อยู่บ้านด้วย โดยระบบมีศูนย์กลาง LANAH (Learning and Need-Anticipating Hub) ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ LANAH AI (Artificial Intelligence) ที่สามารถเรียนรู้พฤติกรรม และกิจวัตรประจำวันของผู้อยู่อาศัย และแจ้งเตือนผู้ดูแลเมื่อผู้สูงอายุเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ และแเจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน LANAH App เป็นการสร้างความมั่นใจว่า หากมีเหตุฉุกเฉินจะได้รับการช่วยเหลือได้ทันที
2. เทคโนโลยีหุ่นยนต์รับคำสั่ง อย่าง ElliQ AI
ที่เมื่อผู้สูงอายุต้องการฟังเพลง เพิ่มเสียง ลดเสียง ต้องการเปิดปิดไฟตรงไหน AI สั่งการให้ได้หมด มากกว่านั้น AI ยังให้ความรู้ผู้สูงอายุในเรื่องประโยชน์ของอาหาร และเตือนผู้สูงอายุให้ทานยา ทานน้ำ ทานอาหาร ให้ตรงเวลา เรียกว่าเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุที่เปรียบเสมือนคนรู้ใจใกล้ตัว
3. เครื่องช่วยฟังอัจฉริยะ
จะช่วยทำให้ปัญหาด้านการสื่อสารและการได้ยินหมดไป โดยเครื่องช่วยฟังจะมาพร้อมความสามารถด้านการได้ยินรอบทิศทางแบบ 360 องศา และสามารถปรับโหมดความดังและเบาได้ ปัจจุบันมีขนาดเล็กลงและมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบทัดหลังหู แบบลำโพงในหู หรือแบบฝังในกระดูก เพื่อให้สามารถเลือกได้ตามความชอบ และเป็นการเพิ่มความสะดวกในการพกพา ทั้งยังรองรับระบบการสื่อสาร และการเชื่อมต่อจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ที่มีสัญญาณบลูทูธได้อีกด้วย
4. กระปุกใส่ยาที่ฉลาด
ตอบโจทย์สำหรับผู้สูงอายุที่หลงลืมบ่อยๆ ตัวช่วยนี้สามารถแก้ไขปัญหาได้ เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบให้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ คอยเตือนเมื่อถึงเวลาทานยา นอกจากนี้ยังทำให้คนดูแลคนในครอบครัวช่วยตรวจสอบได้ด้วยว่าผู้สูงอายุทานยาไปแล้วหรือยัง ระปุกใส่ยาบางรุ่นยังสามารถบันทึกประวัติการทานยาเพื่อให้แพทย์ที่ให้การรักษาอยู่สามารถตรวจสอบประวัติการรักษาและการทานยาย้อนหลังของผู้สูงอายุได้ด้วย
5. ไม้เท้าช่วยผู้สูงอายุ
เป็นตัวช่วยให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยไม้เท้าตัวนี้จะใช้การเชื่อมต่อกับระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อควบคุมการทำงานและใช้ในการทรงตัว หรือนำทางไปยังสถานที่ต่างๆ พร้อมทั้งสามารถระบุตำแหน่งของผู้ใช้ ทำให้คนในครอบครัวสามารถติดตามตำแหน่งที่ผู้ใช้งานอยู่ได้ด้วย และยังเป็นไม้เท้าที่ปรับการใช้งานตามถนัดว่าจะด้านซ้ายหรือด้านขวาได้ด้วย
6. HSR แขนหุ่นยนต์ตัวช่วยผู้สูงอายุ
เป็นนวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุในรูปแบบของหุ่นยนต์จิ๋วที่ช่วยเหลือในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการจับสิ่งของ ช่วยป้อนอาหารผู้ป่วย และยังถือของหนักได้ และยังรองรับการทำงานได้ในทุกพื้นผิวหรือทางเดิน รวมไปถึงมีการติดตั้งกล้องและระบบเซนเซอร์ไว้ จึงทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะเดินชนสิ่งกีดขวาง
นวัตกรรมเทคโนโลยีเหล่านี้ ถ้าหากได้นำมาปรับใช้งานกับผู้สูงอายุ ก็จะช่วยให้การดำเนินชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุง่ายและสะดวกขึ้น ผู้ดูแลก็สามารถดูแลได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ เป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้ง 2 ฝ่ายค่ะ