เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ ร่างกายอาจไม่สามารถรับสารอาหารจากอาหารที่บริโภคในแต่ละวันได้อย่างเพียงพอ อาหารเสริมจึงกลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการเสริมสร้างสุขภาพและบำรุงร่างกายสำหรับผู้สูงวัย อย่างไรก็ตาม การเลือกอาหารเสริมให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลนั้นจำเป็นต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด ดังนั้นนมาดูกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้ออาหารเสริม
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้ออาหารเสริม
การเลือกอาหารเสริมสำหรับผู้สูงอายุไม่ใช่เพียงแค่เลือกชนิดที่ต้องการ แต่ควรคำนึงถึงปัจจัยส่วนบุคคลของผู้สูงอายุแต่ละคนด้วย ได้แก่:
- อายุ
ผู้สูงอายุแต่ละวัยมีความต้องการสารอาหารที่ต่างกัน ยิ่งอายุมากขึ้น ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น การดูดซึมสารอาหารลดลง กล้ามเนื้อและกระดูกอ่อนแอลง ดังนั้นจึงควรเลือกอาหารเสริมที่เสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ หรือแคลเซียมสำหรับกระดูกที่แข็งแรง เช่น ในผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ควรเน้นวิตามิน D และแคลเซียมเพื่อลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน - เพศ
ผู้สูงอายุชายและหญิงมีความต้องการสารอาหารบางชนิดที่แตกต่างกัน ผู้หญิงอาจต้องการแคลเซียมและวิตามิน D มากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงกระดูกพรุน ในขณะที่ผู้ชายอาจให้ความสำคัญกับสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อเสริมสร้างการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด - โรคประจำตัว
ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ ควรระมัดระวังในการเลือกอาหารเสริม เนื่องจากบางชนิดอาจมีผลกระทบต่อยาและการทำงานของโรคที่เป็นอยู่ เช่น โคเอนไซม์ Q10 ที่อาจส่งผลต่อความดันโลหิต หรือวิตามินเคที่อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานอาหารเสริมทุกครั้ง - การแพ้อาหาร: ผู้ที่มีอาการแพ้อาหารบางชนิด ควรหลีกเลี่ยงอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของอาหารนั้นๆ
ทั้งนี้วิธีการอ่านฉลากอาหารเสริมอย่างถูกต้องก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้สูงอายุและผู้ดูแลสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุดได้ โดยคำนึงถึงรายละเอียดสำคัญต่อไปนี้
- ตรวจสอบส่วนประกอบหลักและปริมาณสารอาหาร
ควรตรวจดูส่วนประกอบและปริมาณที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ หรือสมุนไพร เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม โดยควรเปรียบเทียบกับค่าแนะนำต่อวัน (Daily Value) และหลีกเลี่ยงการรับประทานสารอาหารบางชนิดมากเกินไป - คำแนะนำในการรับประทาน
อ่านวิธีการใช้และปริมาณที่ควรบริโภคในแต่ละวัน บางผลิตภัณฑ์อาจแนะนำให้ทานพร้อมอาหารเพื่อการดูดซึมที่ดีกว่า และบางผลิตภัณฑ์อาจมีข้อควรระวังในการใช้ เช่น ควรหลีกเลี่ยงการทานร่วมกับยาอื่น - ข้อควรระวังและคำเตือน
อาหารเสริมบางชนิดอาจมีข้อจำกัดหรือคำเตือนสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเฉพาะ เช่น ห้ามใช้กับผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวต่ำ หรือห้ามใช้ร่วมกับยาอื่นโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ - วันหมดอายุ
ตรวจสอบวันหมดอายุของผลิตภัณฑ์เพื่อให้แน่ใจว่าอาหารเสริมยังคงคุณภาพดีและปลอดภัยเมื่อบริโภค โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีวันหมดอายุที่ไกลออกไปเพื่อให้มีเวลาใช้ได้นานขึ้น - มาตรฐานความปลอดภัย
มองหาฉลากรับรองมาตรฐานความปลอดภัย เช่น การรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) หรือมาตรฐานสากลอื่นๆ เพื่อความมั่นใจว่าอาหารเสริมที่เลือกมีคุณภาพและปลอดภัย
อาหารเสริมชนิดใดที่เหมาะกับผู้สูงอายุแต่ละกลุ่ม
1. ผู้สูงอายุทั่วไป: ควรเลือกอาหารเสริมที่ให้วิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน เช่น วิตามินดี แคลเซียม โอเมก้า 3 เพื่อบำรุงกระดูก กล้ามเนื้อ และสมอง
2. ผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องหัวใจ: ควรเลือกอาหารเสริมที่มีโอเมก้า 3 เพื่อช่วยลดระดับไขมันในเลือด
- โอเมก้า-3: ช่วยลดการอักเสบ ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
- โคเอนไซม์ Q10: มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและช่วยในการผลิตพลังงานของเซลล์
- สารต้านอนุมูลอิสระ: เช่น วิตามิน E, C และซีลีเนียม ช่วยป้องกันการอักเสบและการเสื่อมของหลอดเลือด
3. ผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหาร
- โพรไบโอติก: ช่วยส่งเสริมระบบย่อยอาหารให้แข็งแรง และช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้
- เอนไซม์ย่อยอาหาร: ช่วยเสริมการย่อยอาหาร โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาการย่อยอาหาร เช่น ท้องอืดและท้องผูก
- ไฟเบอร์: ช่วยระบบขับถ่ายให้ทำงานปกติ ป้องกันอาการท้องผูก
4. ผู้สูงอายุที่มีปัญหานอนหลับยาก
- เมลาโทนิน: ช่วยปรับสมดุลการนอนหลับ ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้นและหลับสนิท
- แมกนีเซียม: ช่วยลดความเครียดและส่งเสริมการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อ ทำให้หลับสบายขึ้น
- แอล-ธีอะนีน: ช่วยผ่อนคลายและลดความเครียด ทำให้การนอนหลับมีคุณภาพมากขึ้น
5. ผู้สูงอายุที่ต้องการเสริมสร้างความจำและสุขภาพสมอง
- โอเมก้า-3 (โดยเฉพาะ DHA): มีประโยชน์ต่อการทำงานของสมองและช่วยเสริมสร้างความจำ
- วิตามินบีรวม: วิตามินบี1, บี6 และบี12 มีบทบาทสำคัญในการบำรุงระบบประสาทและสมอง
- สารต้านอนุมูลอิสระ: เช่น แอสตาแซนทินและวิตามิน E ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์สมองจากอนุมูลอิสระ
6. ผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านการย่อยอาหาร
- โพรไบโอติก: ช่วยส่งเสริมระบบย่อยอาหารให้แข็งแรง และช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้
- เอนไซม์ย่อยอาหาร: ช่วยเสริมการย่อยอาหาร โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาการย่อยอาหาร เช่น ท้องอืดและท้องผูก
- ไฟเบอร์: ช่วยระบบขับถ่ายให้ทำงานปกติ ป้องกันอาการท้องผูก
การเลือกอาหารเสริมสำหรับผู้สูงอายุควรเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุด โดยควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการก่อนการเลือกซื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างถูกต้องและปลอดภัย