ในยุคดิจิทัล ผู้สูงอายุหันมาใช้เทคโนโลยีกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงข้อมูลความรู้ต่างๆ หรือการสื่อสารระหว่างกัน สิ่งเหล่านี้ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งในปัจจุบัน มิจฉาชีพมักใช้ช่องทางออนไลน์ในการหลอกลวงผู้สูงเสียหาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ตกเป็นเป้าหมายเป็นพิเศษ เนื่องด้วยผู้สูงอายุบางท่านอาจมีความรู้ด้านเทคโนโลยีน้อย ไว้วางใจผู้อื่นง่าย และอาจมีเงินเก็บจำนวนมากเพราะในปัจจุบัน ดังนั้นผู้สูงอายุ ควรรู้เท่าทันการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัยห่างไกลจากมิจฉาชีพ
เพื่อเพิ่มความระมัดระวัง ไม่ให้ตนเองตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ มีแบบไหนบ้างดังนี้ค่ะ
1. การหลอกลวงซื้อขายสินค้าออนไลน์
รูปแบบการถูกหลอกที่เจอบ่อยๆ โพสต์ขายสินค้าถูกเกินจริง หลังชำระค่าสินค้าแล้วมิจฉาชีพอาจจะส่งสินค้าไม่ตรงตามที่โฆษณาไว้ หรือไม่ส่งสินค้าเลย ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลร้านค้าให้ละเอียด ทั้งเว็บไซต์ เบอร์โทร และรีวิวจากลูกค้า หรือเปรียบเทียบราคาจากหลายๆร้าน
2. การหลอกลงทุน
โดยมิจฉาชีพจะเสนอผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงเกินจริง หลอกลวงให้ผู้สูงอายุหลงเชื่อและลงทุน ในช่วงแรกที่ลงทุนน้อยอาจจะมีการจ่ายผลตอบแทนให้จริงๆ โดยใช้เงินของนักลงทุนใหม่จ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนเก่า ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทนจริง และเพิ่มจำนวนเงินในการลงทุน
3. การหลอกให้รัก
โดยมิจฉาชีพจะสร้างโปรไฟล์ปลอมบนเว็บไซต์หาคู่หรือโซเชียลมีเดีย แล้วพยายามสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อถือกับเหยื่อ เพื่อหวังเอาทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรเครดิต เป็นต้น
4. การหลอกให้กลัว
เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะโทรมาแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ เช่น ตำรวจ ธนาคาร หรือสรรพากร หลอกลวงให้ผู้สูงอายุเชื่อว่าตนเองกำลังมีปัญหาทางกฎหมาย , บัญชีธนาคารถูกแฮ็ก หรือ โทรมาแจ้งข่าวร้าย เช่น ลูกหลานประสบอุบัติเหตุ ถูกจับ หรือติดหนี้สินจำนวนมาก
5. การหลอกขายยาและอาหารเสริม
หลอกขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือยา โดยโฆษณาเกินจริง อ้างว่าสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้ โดยไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน ซึ่งอาจไม่ได้ผลจริงและเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
6.การหลอกขายประกันสุขภาพ
โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนจากบริษัทประกันสุขภาพ เสนอเบี้ยประกันราคาถูก เงื่อนไขซับซ้อน กรมธรรม์ประกันไม่คุ้มครองตามที่แจ้งไว้ ดังนั้นก่อนซื้อประกันสุขภาพควรตรวจสอบข้อมูลของบริษัทประกันและตัวแทนให้ละเอียด เช่น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ประวัติการทำงาน และรีวิวจากลูกค้า ที่สำคัญควรปรึกษาบุตรหลานหรือคนใกล้ชิดก่อนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพ
7. การหลอกรับสวัสดิการผู้สูงอายุ
โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการที่ดูแลเรื่องบำนาญหรือสวัสดิการผู้สูงอายุ และขอข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลทางการเงิน หรือขอให้โอนเงินเพื่อดำเนินการ ในบางกรณีจะส่งอีเมล หรือ SMS ที่ดูเหมือนมาจากหน่วยงานรัฐ โดยมีลิงก์ให้คลิกเพื่อกรอกข้อมูลส่วนตัวหรือดาวน์โหลดเอกสารที่มีมัลแวร์
ช่องทางออนไลน์ที่มิจฉาชีพใช้หลอกลวง
- โทรศัพท์: มิจฉาชีพจะโทรหาท่านโดยตรง หลอกลวงให้ท่านโอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
- ข้อความ SMS: มิจฉาชีพจะส่งข้อความ SMS หลอกลวงให้ท่านคลิกลิงก์ หรือโทรกลับไปหา
- อีเมล: มิจฉาชีพจะส่งอีเมลปลอม หลอกลวงให้ท่านคลิกลิงก์ ดาวน์โหลดไฟล์แนบ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
- โซเชียลมีเดีย: มิจฉาชีพจะสร้างบัญชีปลอม แชร์ข้อมูลเท็จ หรือหลอกลวงให้ท่านโอนเงิน
- เว็บไซต์: มิจฉาชีพจะสร้างเว็บไซต์ปลอม หลอกลวงให้ท่านใส่ข้อมูลส่วนตัว หรือโอนเงิน
สุดท้ายนี้ หากผู้สูงอายุท่านใด ได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ และสำหรับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง