ปัญหาสุขภาพช่องปากเป็นสิ่งที่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นฟันผุ โรคเหงือก หรือปัญหาจากการใส่ฟันปลอมที่ไม่เหมาะสม การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะช่องปากที่สะอาดไม่เพียงช่วยให้ผู้สูงอายุรับประทานอาหารได้ตามปกติ ยังช่วยลดอาการเจ็บปวด และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อในระบบอื่น ๆ ของร่างกาย แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมและคุณภาพชีวิตที่ดีอีกด้วย

การทำความสะอาดฟันและช่องปาก
การทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธีเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับผู้สูงอายุ
- สำหรับผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้: ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ เป็นเวลาประมาณ 2 นาที โดยแปรงให้ทั่วถึงทุกซี่ ทุกด้าน โดยเฉพาะบริเวณคอฟันและซอกฟัน หลังแปรงฟัน อาจแปรงทำความสะอาดลิ้นเบา ๆ และใช้อุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่เหมาะสมร่วมด้วย เช่น ไม้จิ้มฟัน ไหมขัดฟัน แปรงซอกฟัน หรือแปรงกระจุกเดียว
- สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการความช่วยเหลือ: ผู้ดูแลควรจัดท่าให้ผู้สูงอายุอยู่ในท่านั่ง หรือครึ่งนั่งครึ่งนอน โดยอาจใช้หมอนหนุน หรือจัดให้อยู่ในท่านอนตะแคง เลื่อนตัวผู้สูงอายุชิดริมเตียงข้างที่ผู้ดูแลอยู่ จากนั้น นำผ้าชุบน้ำเช็ดริมฝีปาก ถอดฟันปลอม และกวาดเศษอาหารภายในปากออกให้หมด นำแปรงสีฟันจุ่มน้ำพร้อมใส่ยาสีฟัน เริ่มแปรงโดยขยับแปรงสีฟันสั้นๆ แปรงให้ทั่วทุกด้านทุกซี่ แล้วแปรงลิ้นให้สะอาด ทำความสะอาดระหว่างซี่ฟัน โดยใช้แปรงซอกฟัน แปรงกระจุกเดียว หรือผ้าก๊อซชุบน้ำเช็ดให้รอบซี่ฟัน
การดูแลทำความสะอาดฟันปลอม
ผู้สูงอายุที่ใส่ฟันปลอมต้องดูแลทำความสะอาดเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ควรทำความสะอาดฟันปลอมทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร โดยใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและน้ำยาทำความสะอาดฟันปลอมโดยเฉพาะ ห้ามใช้ยาสีฟันทั่วไป เพราะอาจทำให้ฟันปลอมเป็นรอยขีดข่วน ก่อนใส่ฟันปลอม ควรบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดทุกครั้ง และควรถอดฟันปลอมออกก่อนนอน เพื่อให้เหงือกได้พักผ่อน
ทั้งนี้การแช่ฟันปลอมในน้ำสะอาดหรือน้ำยาทำความสะอาดทุกคืน และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนจัดเพราะอาจทำให้ฟันปลอมเสียรูปทรงได้ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของฟันปลอมได้ดียิ่งขึ้น

อย่าลืมเข้าคลินิกและใช้บริการทันตกรรมเฉพาะทาง
แม้ว่าจะดูแลฟันและช่องปากเป็นอย่างดี แต่การเข้ารับบริการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น ผู้สูงอายุควรเข้าพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้งเพื่อตรวจเช็กสุขภาพฟันและช่องปาก รวมถึงรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลฟันที่เหมาะสม ปัจจุบันมีคลินิกทันตกรรมเฉพาะทางที่ให้บริการสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ เช่น
- คลินิกฟันปลอมและรากฟันเทียม สำหรับผู้ที่ต้องการฟันทดแทนที่มีความมั่นคงมากขึ้น
- คลินิกโรคเหงือก ที่ให้การรักษาปัญหาเหงือกอักเสบและปริทันต์อักเสบ
- บริการขูดหินปูนและเคลือบฟลูออไรด์ เพื่อช่วยป้องกันฟันผุและลดการสะสมของคราบแบคทีเรีย
เลือกใช้บริการคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำเพื่อป้องกันปัญหาฟันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เคล็บลับการป้องกันปัญหาช่องปาก
การป้องกันปัญหาช่องปากเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ทุกวันผ่านการดูแลที่เหมาะสม โดยมีแนวทางดังนี้
- แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เพื่อช่วยป้องกันฟันผุ
- ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟัน เป็นประจำเพื่อลดการสะสมของคราบแบคทีเรีย
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง และเลือกบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟัน เช่น ผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์จากนม
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ปากไม่แห้งและลดความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ
- งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเหงือกและมะเร็งในช่องปาก
- พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ

สุขภาพช่องปากที่ดีส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยตรง เพราะจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใส และมีคุณภาพชีวิตที่ดีสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขนะคะ