สุขภาพฟันและเหงือกถือเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในผู้สูงอายุ เนื่องจากการเสื่อมสภาพของร่างกายอาจส่งผลให้เกิดปัญหาในช่องปาก เช่น ฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ หรือการสูญเสียฟัน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันทั้งด้านการเคี้ยวอาหารและสุขภาพจิต
ดังนั้น การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูและรักษาสุขภาพฟันและเหงือกให้แข็งแรงในระยะยาว
การดูแลสุขอนามัยในช่องปาก
การดูแลสุขอนามัยในช่องปากเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยป้องกันปัญหาในช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่อาจมีข้อจำกัดในการทำความสะอาดฟัน
- แปรงฟันอย่างถูกวิธี: ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน โดยใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่มและยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เพื่อช่วยป้องกันฟันผุ
- ใช้ไหมขัดฟัน: การใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอช่วยทำความสะอาดเศษอาหารและคราบพลัคในซอกฟันที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง
- ดูแลอุปกรณ์ฟันปลอม: สำหรับผู้สูงอายุที่ใส่ฟันปลอม ควรถอดฟันปลอมออกมาทำความสะอาดทุกวันและแช่ในน้ำยาฆ่าเชื้อเฉพาะเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
- บ้วนปากหลังรับประทานอาหาร: การบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาบ้วนปากช่วยลดคราบอาหารและแบคทีเรียในช่องปาก
อาหารที่ช่วยรักษาสุขภาพฟัน
การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟันและเหงือกสามารถช่วยฟื้นฟูและรักษาสุขภาพในช่องปากได้ดีขึ้น
- อาหารที่มีแคลเซียมสูง: เช่น นม ชีส โยเกิร์ต และผักใบเขียว ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของฟันและกระดูก
- ผักและผลไม้ที่มีใยอาหาร: เช่น แครอท แอปเปิ้ล และเซเลอรี่ ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลายเพื่อลดกรดในช่องปาก
- อาหารที่มีวิตามินซีสูง: เช่น ส้ม สตรอว์เบอร์รี และมะเขือเทศ ช่วยเสริมสร้างเหงือกให้แข็งแรงและลดการอักเสบ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำช่วยล้างคราบอาหารและแบคทีเรียออกจากช่องปาก รวมถึงช่วยป้องกันอาการปากแห้ง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของฟันผุและโรคเหงือก
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม และขนมขบเคี้ยว เพราะเป็นสาเหตุสำคัญของฟันผุ
ทั้งนี้ผู้สูงอายุควรเข้าพบทันตแพทย์อย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน เพื่อตรวจดูสุขภาพฟันและเหงือก รวมถึงรับคำแนะนำในการดูแลช่องปากเฉพาะบุคคล เพราะหากเกิดอาการผิดปกติจะได้เข้ารับการรักษาก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้นนะคะ